top of page

   German(เยอรมัน) 

เมืองไฮเดลเบิร์ก.jpg

เมืองไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg)

หนึ่งในเมืองสวยน่าเที่ยวของเยอรมนี “ไฮเดลเบิร์ก” ตัวเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเนคคาร์ มีปราสาทชื่อเดียวกับเมืองเป็นแลนด์มาร์ก และยังมีเขตเมืองเก่าที่กว้างใหญ่ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มีมหาวิหารใหญ่ ตึกรามบ้านช่อง สะพานหินเก่า ถนนสายปรัชญา และย่านช้อปปิ้ง รวมทั้งสวนในสมัยเรอเนสซองส์สุดสวยงาม ให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมกันอย่างจุใจ

เมืองไฟร์บวร์ก.jpg

เมืองไฟร์บวร์ก (Freiburg)

“ไฟร์บวร์ก” เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในเขตป่าดำ ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนี มีธรรมชาติงดงามสวยสดตลอดทั้งปี จัตุรัสใจกลางเมืองเป็นที่ตั้งของอาสนวิหารเก่าแก่ ที่ยอดหลังคามหาวิหารเป็นจุดชมวิวทั่วทั้งเมือง และยังมีระฆัง 19 ใบ ที่จะส่งเสียงตอนเที่ยงวัน มีตลาดประจำเมืองบรรยากาศสุดคึกคักมีชีวิตชีวามีร้านค้า โรงเบียร์ ร้านกาแฟ และร้านอาหารเมนูดั้งเดิมโดยเฉพาะไส้กรอกอร่อยขึ้นชื่อ

เมืองมิวนิก.jpg

เมืองมิวนิก (Munich)

“มิวนิก” เป็นเมืองใหญ่ของแคว้นบาวาเรีย เป็นดินแดนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายเปรียบเหมือนเป็น “หมู่บ้านของโลก” จุดเด่นๆ มีอยู่ทั่วทั้งเมือง ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ สวนสวย สวนสาธารณะ โดยเฉพาะปราสาทนอยชวานชไตน์ในตำนานอันเลื่องชื่อ อาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง และแน่นอนคือเบียร์ชั้นดีที่คอเบียร์ชื่นชอบเป็นพิเศษ และหอนาฬิกาประจำเมืองที่มีตุ๊กตาเต้นระบำ ที่เป็นจุดเช็กอินสำคัญของเมือ

ยอดเขาซุกสปิตเซ่.jpg

ยอดเขาซุกสปิตเซ่ (Zugspitze)

 เชิญชวนทุกคนไปนั่งกระเช้าท้าความสูงไปสัมผัสลมหนาวบนยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมันกัน ซึ่งที่นี่เป็นพรมแดนกั้นระหว่างรัฐบาวาเรียของเยอรมันกับรัฐทิโรลของออสเตรีย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเยอรมันวิวสวยที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์สุดปังครอบคลุมถึง 4 ประเทศ คือ เยอรมัน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี รวมถึงทะเลสาบไอบ์เซ่ (Eibsee) ที่งดงามอีกด้วย

ปราสาทนอยชวานชไตน์ มิวนิค.jpg

ปราสาทนอยชวานชไตน์ มิวนิค (Neuschwanstein Castle)

ปราสาทที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้น ๆ ของเยอรมัน กับความสวยงามของตัวปราสาทที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ และยังเป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ตั้งอยู่ที่แถบแคว้นบาวาเรียของเมืองมิวนิค แถมยังมีความสวยที่แตกต่างกันไปในทุกๆฤดู เรียกได้ว่าไปช่วงไหนก็ได้รับความประทับใจพกกลับบ้านไปอย่างแน่นอน

แฟรงค์เฟิร์ต.jpg

แฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt)

จุดหมายปลายทางแรกของคนเดินทางไปเยอรมัน ส่วนใหญ่ก็จะมาลงที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญที่สุดของเยอรมัน และที่นี่ก็เป็นจุดศูนย์กลางการเดินทางโดยรถไฟเช่นเดียวกัน และยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินด้วย เป็นเมืองที่ดูทันสมัยแต่ก็มีมุมเก่าแก่ที่ยังคงรักษาไว้ให้เราได้เที่ยวชม อย่างเช่น อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ที่จัตุรัสโรเมอร์, มหาวิหารเซนท์บาร์โทโลมิว ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค, โบสถ์เซนต์พอล เป็นต้น นอกจากนี้ใครอยากเที่ยวชมสวนดอกไม้สวยๆ ก็มีสวนพฤกษศาสตร์ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจ

เมืองนูเรมเบิร์ก.jpg

เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg)

ถ้าเพื่อนๆมีแพลนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศเยอรมนีในช่วงเดือนสุดท้ายของปีแล้ว ก็ต้องห้ามพลาดแวะไปเก็บเกี่ยวบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาสที่ตลาดคริสต์มาสในเมืองนูเรมเบิร์ก ซึ่งภายในตลาดนั้นเต็มไปด้วยร้านค้าที่ประดับด้วยของตกแต่งสำหรับเทศกาลคริสต์มาสมากกว่า 180 ร้านด้วยกัน และสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด คือ ไวน์ผสมเครื่องเทศ หรือ Cinnamon-spiced mulled wine จิบคู่กับขนมปังขิงและไส้กรอกเยอรมัน! หลังจากนั้นก็เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อของฝากกลับบ้าน

กรุงเบอร์ลิน.jpg

กรุงเบอร์ลิน (Berlin)

 เพื่อนๆจะได้สัมผัสถึงร่องรอยแห่งอดีตทันทีเมื่อเข้ามาที่กรุงเบอร์ลินสถาปัตยกรรมอันงดงามเอาไว้มากมายหลายแห่ง และที่เราอยากจะแนะนำ คือ ประตูบรานเดนบวร์ก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง ที่ยังคงหลงเหลือเส้นแนวกำแพงเดิม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นถึงอดีตของสงคราม นอกจากนี้ เบอร์ลินยังมีศูนย์กลางความบันเทิงอย่าง หอโทรทัศน์แฟร์นเซทวร์ ที่อเล็กซานเดอร์พลาทซ์ซึ่งเป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับ 2 ในสหภาพยุโรป ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะนิยมขึ้นไปนั่งรับประทานอาหารกันบนนั้น

กำแพงเบอร์ลิน.png

กำแพงเบอร์ลิน (Berlin Wall)

   เป็นกำแพงที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝั่งโซเวียต เป็นสัญลักษณ์ของสงครามเย็น ในปัจจุบันเป็นเขตอนุรักษ์ในพื้นที่กำแพงบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงหอสังเกตการณ์ ที่เราสามารถขึ้นไปชมวิวของเมืองได้ รวมไปถึงการเดินชมโบสถ์ใหม่ที่สร้างขึ้นแทนโบสถ์เก่าอย่าง Mitte ซึ่งจะปิดทำการในทุกๆ วันจันทร์ สามารถไปเที่ยวชมได้ ถ่ายรูปได้

ปราสาทไฮเดลเบิร์กและสะพานเมือง.jpg

ปราสาทไฮเดลเบิร์กและสะพานเมือง (Heidelburg castle and Old Town Bridge)

   ปราสาทไฮเดลเบิร์กบางส่วนถูกทำลายไปบ้าง แต่ปราสาทแห่งนี้ยังคงความขลังตามแบบฉบับปราสาทสไตล์ยุโรป ซึ่งที่นี่เป็น 1 ใน landmark ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเยอรมัน อย่าลืมที่จะเยี่ยมชม ที่ผิงไฟสไตล์ Renaissance ที่สวยงาม ในส่วนปีก Ruprecht, โบสถ์ประจำปราสาท, สวน Hortus Palarnnus (สวนแห่งนี้ไม่เคยสร้างเสร็จ แต่ก็เคยถูกจัดให้เป็น 1 ใน 8 มหัศจรรย์ของโลกมาแล้ว) ส่วนนอกปราสาทไปไม่ไกลก็มีสะพานประจำเมือง ที่สวยงาม เก่าแก่ และมีวิวสวยๆ เหมาะให้ไปเดินเล่น ดูวิว พักผ่อน สุดๆ ปราสาทไฮเดลเบิร์กบางส่วนถูกทำลายไปบ้าง แต่ปราสาทแห่งนี้ยังคงความขลังตามแบบฉบับปราสาทสไตล์ยุโรป ซึ่งที่นี่เป็น 1 ใน landmark ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเยอรมัน อย่าลืมที่จะเยี่ยมชม ที่ผิงไฟสไตล์ Renaissance ที่สวยงาม ในส่วนปีก Ruprecht, โบสถ์ประจำปราสาท, สวน Hortus Palarnnus (สวนแห่งนี้ไม่เคยสร้างเสร็จ แต่ก็เคยถูกจัดให้เป็น 1 ใน 8 มหัศจรรย์ของโลกมาแล้ว) ส่วนนอกปราสาทไปไม่ไกลก็มีสะพานประจำเมือง ที่สวยงาม เก่าแก่ และมีวิวสวยๆ เหมาะให้ไปเดินเล่น ดูวิว พักผ่อน สุดๆ

สวนอังกฤษ.jpg

สวนอังกฤษ (English Garden)สวนสวยใจกลางนครมิวนิก นับเป็นหนึ่งในบรรดาสวนสาธารณะกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในสวนพื้นที่กว่า 2,331 ไร่ ที่นี่เป็นทั้งสวนสาธารณะที่มีืทั้งแม่น้ำธรรมชาติไหลผ่าน ทะเลสาบ และน้ำตกเทียม มีแหล่งบันเทิง สถานที่พักผ่อน สถานที่ออกกำลังกาย เล่นกีฬาทางบกและทางน้ำ เป็นที่อยู่อาศัยของนก 50–60 สายพันธุ์ และมีเส้นทางสำหรับนักปั่นจักรยานเป็นระยะทางยาวถึง 75 กิโลเมตร

พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก.jpg

พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก (Nymphenburg Palace) แลนด์มาร์กยอดนิยมของเมืองมิวนิค เป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์บาวาเรีย ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองมิวนิค ไฮไลท์ของพระราชวังแห่งนี้คือ แกลเลอรีรวมภาพหญิงงาม 36 นาง แห่งเมืองมิวนิกของกษัตริย์ลุดวิกที่ 1 (King Ludwig I's Gallery of Beauties) นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์รถม้า และพิพิธภัณฑ์ด้านวิทยาศาสตร์ ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมอีกด้วย

จัตุรัสมาเรียนพลาตซ์.jpg

จัตุรัสมาเรียนพลาตซ์ (Marienplatz Square) จัตุรัสมาเรียนพลาตซ์ หรือ จัตุรัสพระแม่มารี เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และเป็นจุดเริ่มต้นการเดินชมเมืองที่ดีที่สุดในมิวนิก เป็นที่ตั้งของ “เสาพระแม่มารีทองคำ” (Marien's Column) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อจัตุรัสแห่งนี้ อาคารที่เด่นเป็นสง่าตรงหน้าจัตุรัส คือ “ศาลาว่าการเมืองหลังใหม่” (New Town Hall) ที่มีหอคอยสูงกว่า 80 เมตรให้ขึ้นไปชมวิวด้านบน ในช่วงวันคริสต์มาสของทุกปี จัตุรัสจะกลายเป็นตลาดคริสต์มาสที่มีบรรยากาศสุดคึกคัก

พิพิธภัณฑ์เยอรมัน.jpg

พิพิธภัณฑ์เยอรมัน (Deutsches Museum)

ที่เที่ยวมิวนิกแห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในกลุ่มเกาะพิพิธภัณฑ์ กลางแม่น้ำอีซาร์ (Isar River) เป็นพิพิธภัณฑ์เก่าแก่ก่อตั้งโดยสมาคมวิศวกรรมแห่งเยอรมนี มีวัตถุจัดแสดงกว่า 28,000 ชิ้น ในสาขาต่างๆ ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกว่า 50 สาขา โดยแบ่งออกเป็นโซน เข่น ห้องยานพาหนะที่มีทั้งเครื่องบินจริงและเครื่องบินจำลอง โซนรถยนต์ จัดแสดงรถโบราณตั้งแต่รถแท็กซี่ รถจักรยาน รถไฟจนถึงเฮลิคอปเตอร์

พระราชวังเรสซิเดนซ์มิวนิก.jpg

พระราชวังเรสซิเดนซ์มิวนิก (Munich Residence)

พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี ตั้งอยู่ใจกลางนครมิวนิก พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1385 เป็นอดีตพระราชวังหลวงของราชอาณาจักรบาวาเรีย และเป็นที่ทรงงานชองกษัตริย์แห่งแคว้นบาเยิร์นมายาวนานกว่า 500 ปี ปัจจุบันถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บสะสมงานทางศิลปะ และเป็นคลังเก็บสมบัติของกษัตริย์โบราณ โดยมีห้องจัดแสดงถึง 130 ห้อง ส่วนด้านนอกมีบริเวณสวนที่สวยงาม ทะเลสาบ งานประติมากรรม มีมุมถ่ายภาพมากมายเลยทีเดียว

ตลาดวิคทูอาเลียน.jpg

ตลาดวิคทูอาเลียน (Victuals Market) ตลาดวิคทูอาเลียน เป็นตลาดกลางแจ้งขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่จัตุรัสใจกลางนครมิวนิก โดยเป็นตลาดที่มีร้านค้าตั้งเรียงรายกว่า 140 ร้านค้า มีทั้งแผงขายอาหาร ดอกไม้ ผลไม้ เครื่องเทศ เนยแข็ง เบียร์ เบเกอรี และสินค้าท้องถิ่นอีกมากมาย รายล้อมด้วยอาคารเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมการสร้างแบบโบราณดั้งเดิม นับเป็นที่เที่ยวมิวนิกห้ามพลาด จะช้อปจะชิมก็ได้ตามอัธยาศัย หรือจะถ่ายรูปอย่างเดียวก็ไม่ว่ากัน เปิดบริการทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์นะจ๊ะ

โฮฟบรอยเฮาส์.jpg

โฮฟบรอยเฮาส์ (Hofbrauhaus) ที่เที่ยวมิวนิก จุดหมายปลายทางในฝันของคอเบียร์ “โฮฟบรอยเฮาส์” เป็นโรงเบียร์เก่าแก่ของเมืองมิวนิกที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1589 มีลักษณะเป็นห้องโถงใหญ่ที่ยังคงบรรยากาศเดิมๆ ไว้ทุกประการ มีโต๊ะอาหารให้บริการทั้งในและนอกร้าน มีดนตรีสดและการแสดงเต้นรำแบบพื้นบ้าน สร้างบรรยากาศสุดครึกครื้นขณะจิบเบียร์รสเลิศ ภายในโฮฟบรอยเฮาส์ยังมีพื้นที่ผลิตเบียร์ ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นโรงแสดงเบียร์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมขั้นตอนการผลิตเบียร์ที่ขึ้นชื่อของเยอรมันอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ศิลปะเก่า.jpg

พิพิธภัณฑ์ศิลปะเก่า (Alte Pinakothek) “พิพิธภัณฑ์ศิลปะเก่า” หรือเรียกเป็นภาษาเยอรมันว่า “อัลเทอพีนาโคเทค” สร้างขึ้นในปี 1836 เป็นหอศิลป์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นหอศิลป์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป จัดแสดงงานสะสมที่มีคุณค่าของกษัตริย์ลุดวิกที่ 1 (King Ludwig I) และของสะสมของราชวงศ์วิทเทิลส์บัค (Wittelsbach) และภาพจิตรกรรมของศิลปินชื่อก้องโลก เช่น “เลโอนาร์โด ดาวินชี” (Leonardo da Vinci) ทิเชียน (Titian) ฮันส์บัลดุง (Hans Baldung) และ แรมบรันต์ (Rembrandt)

อุทยานโอลิมปิก.jpg

อุทยานโอลิมปิก (Olympic Park) อุทยานโอลิมปิก เป็นศูนย์กีฬาที่ทำหน้าที่เจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1972 ประกอบด้วย “สนามกีฬาโอลิมปิก” (Olympic Stadium) “ศูนย์กระจายเสียงแพร่ภาพนานาชาติ” (International Broadcast Center) โอลิมปิกฮอลล์ (Olympic Hall) หอคอยโอลิมปิก (Olympic Tower) และหมู่บ้านโอลิมปิก (Olympic Village) ปัจจุบันอุทยานแห่งนี้ถูกใช้เป็นสวนสาธารณะ และศูนย์ช็อปปิ้งสินค้าที่ระลึกของการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่.jpg

พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (Pinakothek der Moderne) พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี เป็น 1 ใน 3 พิพิธภัณฑ์ของกลุ่มพีนาโคเทค (Pinakothek) ได้แก่ พิพิธศิลปะเก่า (Alte Pinakothek) และพิพิธภัณฑ์ศิลปะใหม่ (Neue Pinakothek) พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (Pinakothek der Moderne พื้นที่จัดแสดงแบ่งเป็น 4 ส่วนแยกเป็นพื้นที่สำหรับศิลปะ สถาปัตยกรรม การออกแบบ และศิลปะกราฟิก ซึ่งรวบรวมภาพพิมพ์และภาพวาดมากกว่า 400,000 ชิ้น คนรักงานศิลปะพลาดไม่ได้จริงๆ

มหาวิหารเฟราเอน.jpg

มหาวิหารเฟราเอน (Frauenkirche) มหาวิหารเฟราเอน เป็นหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองนิวนิก เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่เก่าแก่ ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า ใกล้กับจตุรัสมาเรียนพลัทซ์ โดดเด่นสวยงามด้วยแบบโกธิกผสมกับเรอเนอซองส์ มีจุดเด่นคือ โดมหอมหัวใหญ่สีฟ้าเขียว 2 โดม ทางใต้ของมหาวิหารมีหอคอยแห่งฟาราเอนสูง 99 เมตร ด้านบนเป็นจุดชมวิวเมืองมิวนิกที่ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ เป็นภาพที่สวยงามเกินคำบรรยาย

โบสถ์เซนต์ปีเตอร์.jpg

โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Church)โบสถ์คริสต์เก่าแก่ตั้งอยู่บนเนินปีเตอร์สเบิร์ก (Petersberg) ใจกลางเมืองมิวนิก สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 11 สวยงามวิจิตรด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิก ไฮไลท์ของโบสถ์แห่งนี้ คือการขึ้นบันได 300 ขั้นของหอคอยของโบสถ์ ซึ่งชาวเมืองตั้งชื่อว่า "ผู้เฒ่าปีเตอร์" (Alter Peter) เพื่อชมวิวเมืองมิวนิกแบบพราโนรามา ในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจอาจมองเห็นได้ไกลถึงเทือกเขาแอลป์เลยทีเดียว

อาคารบีเอ็มดับเบิลยูเวลท์.jpg

อาคารบีเอ็มดับเบิลยูเวลท์ (BMW Welt)อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองมิวนิค “อาคารบีเอ็มดับเบิลยูเวลท์” ตั้งอยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป ( BMW Group) โดดเด่นด้วยอาคารทรงนาฬิกาทรายที่ตกแต่งด้วยกระจกรูปทรงเรขาคณิต ใกล้ๆ กันยังเป็นพื้นที่ของบีเอ็มดับเบิลยูสำนักงานใหญ่ (BMW Headquarter) และฐานการผลิต (BMW Group Plant) อีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวมิวนิกยอดนิยมที่คนรัก BMW ไม่ควรพลาดชม

รูลาเดน.png

อาหารที่ขึ้นชื่อในเยอรมัน

 

รูลาเดน (Beef Rolls, Rouladen)

Rouladen เป็นหนึ่งในสูตรอาหารเยอรมันสำหรับมื้อค่ำยอดนิยม จุดเด่นของอาหารประจำชาติเยอรมันเมนูนี้คือน้ำเกรวี่ที่ราดลงบนเนื้อม้วนที่ชุ่มฉ่ำ โดยจะใช้เนื้อวัวที่แล่เป็นแผ่นยาวบาง ๆ คลุกกับมัสตาร์ด ใส่เบคอน, หัวหอม และผักดอง ปิดไส้ด้วยการม้วนแถบเนื้อขึ้น จากนั้นนำเนื้อม้วนที่ได้ไปเคี่ยวช้า ๆ ในน้ำเกรวี่เข้มข้น จนได้เป็นสีน้ำตาลสวย เป็นเมนูอาหารเยอรมันที่รับประทานกันได้ตลอดทั้งปี แต่นิยมกันเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในโอกาสพิเศษ เช่น วันคริสต์มาสอีฟ และมื้อค่ำของวันอาทิตย์

ชนิทเซิล.jpg

ชนิทเซิล (Breaded Cutlet, Schnitzel)

เป็นอาหารเยอรมันที่หลายคนลองแล้วจะต้องติดใจ อาหารประจำชาติเยอรมันเมนูนี้จะใช้เนื้อสัตว์ต่าง ๆ เช่น เนื้อลูกวัว, เนื้อแกะ, เนื้อวัว, ไก่งวง, เนื้อกวางเรนเดียร์ และเนื้อหมู นำมาทุบให้เป็นแผ่นแบน ๆ จากนั้นนำไปชุบแป้งผสมไข่และเกล็ดขนมปัง นำไปทอดให้เหลืองกรอบในน้ำมันร้อน ๆ เป็นเมนูอาหารเยอรมันที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศออสเตรีย โดยปรากฏครั้งแรกในเยอรมันเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 และปรากฏในตำราอาหารในปี1831จนกลายมาเป็นอาหารประจำชาติเยอรมันในปัจจุบัน นิยมเสิร์ฟพร้อมกับสลัดมันฝรั่งและเลมอนฝาน 

เมาตาเชิน.jpg

เมาตาเชิน (German Stuffed Pasta, Maultaschen)

อาหารเยอรมันที่มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 17 ในภูมิภาคสวาเบียทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมัน ต้องบอกว่า Maultaschen นั้นเป็นเมนูอาหารประจำชาติเยอรมัน ที่ถูกนำไปใช้เป็นมื้ออาหารให้กับนักบินอวกาศชาวเยอรมัน ที่ได้เดินทางออกนอกโลกในปี 2018 กันด้วยค่ะ อาหารเยอรมันเมนูนี้ประกอบไปด้วยแผ่นแป้งพาสต้า สอดไส้ด้วยเนื้อที่คลุกเคล้าผสมกับเครื่องเทศ เสิร์ฟในน้ำซุปธรรมดาหรือผัดกับเนยและหัวหอมทอด โดยบางที่จะเลือกใช้เป็นเนื้อรมควันเพื่อให้ได้รสชาติที่หอมและเข้มข้นขึ้นไปอีก

ซาวเออร์บราเทน.png

ซาวเออร์บราเทน (German Pot Roast, Sauerbraten)

หากให้พูดถึงเมนูอาหารเยอรมันอันแสนยอดเยี่ยม หนึ่งในนั้นต้องมีอาหารประจำชาติเยอรมันอย่าง Sauerbraten แน่นอนค่ะ อาหารเยอรมันเมนูนี้ทำมาจากเนื้อที่หมักในน้ำส้มสายชูหรือไวน์ และเครื่องเทศ ภายใต้สภาวะเย็นจัดเป็นเวลาหลายวัน จากนั้นนำมาย่างก่อนที่จะนำไปปรุง เนื้อที่ผ่านการหมักจะมีความนุ่มและชุ่มฉ่ำไปด้วยรสเปรี้ยวที่กลมกล่อม ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็มีการใช้เนื้อที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถเป็นได้ทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อกวาง ไปจนถึงเนื้อม้าเลยทีเดียว

แคสเลอร์.jpg

แคสเลอร์ (Salted and Smoked Pork, Kassler)

Kassler หรือหมูรมควัน เรียกได้ว่าเป็นส่วนเติมเต็มเพื่อทำให้อาหารเยอรมันมื้อกลางวันนั้นสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นเลยล่ะค่ะ อาหารประจำชาติเยอรมันเมนูดั้งเดิมประจำเทศกาล “อ็อกโทเบอร์เฟสต์” (Oktoberfest) ที่มีชื่อเสียงของเยอรมัน โดยจะนำเนื้อหมูมาหมักและรมควันด้วยควันไม้ ซึ่งส่วนใหญ่มักใช้ส่วนของคอหมูและเนื้อสันใน เสิร์ฟพร้อมกับกะหล่ำปลีดองและมันฝรั่งบด หรือกับคะน้าและมันฝรั่งอบ ซึ่งนอกจากเนื้อหมูแล้ว ในร้านอาหารบางแห่งยังมี Kassler ที่ทำมาจากเนื้อไก่อีกด้วยค่ะ

เคอนิกส์แบร์เกอร์ คล็อปป์.jpg

เคอนิกส์แบร์เกอร์ คล็อปป์ (German Meatballs, Königsberger Klopse)

อาหารเยอรมันที่ตั้งชื่อขึ้นตามเมือง Konigsberg ในอดีต ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเยอรมัน ปัจจุบันคือเมืองคาลินินกราด (Kaliningrad) ของรัสเซีย โดยอาหารประจำชาติเยอรมันที่มีชื่อเสียงเมนูนี้ รู้จักกันในอีกชื่อว่า “Soßklopse” สูตรดั้งเดิมจะทำจากเนื้อลูกวัวสับละเอียดและปลาแองโชวี่ พร้อมด้วยหัวหอม, พริกไทยขาว และเกล็ดขนมปังเล็กน้อย นำไปเคี่ยวในน้ำซุป เมื่อสุกแล้วนำมาราดด้วยซอสครีมเคเปอร์ นิยมเสิร์ฟพร้อมกับบีทรูทและมันฝรั่งต้ม หรือกับข้าว

ฟลาเมคูเอเช่.jpg

ฟลาเมคูเอเช่ (Tarte Flambee, Flammekuechen)

อาหารประจำชาติเยอรมันที่เป็นเอกลักษณ์นี้ มีต้นกำเนิดมาจากเกษตรกรในภูมิภาค Bas Rhin, Alsace และ Palatinate ซึ่งมักจะอบขนมปังสัปดาห์ละครั้ง ประกอบไปด้วยแป้งขนมปังที่รีดเป็นแผ่นบาง ๆ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือวงรี จากนั้นทาด้วยชีสสด Fromage blanc หรือครีมเปรี้ยว crème fraîche โรยด้วยหัวหอม, พริกไทย และเบคอน แล้วนำไปอบ หน้าตาก็จะดูคล้ายพิซซ่าอยู่พอสมควรเลยทีเดียวค่ะ แต่ตัวแป้งจะค่อนข้างบางและกรอบกว่านอกจากนี้หน้ายังมีรูปแบบอื่น     ด้วย เช่น Gratinee กับชีส Gruyere หรือ Munster กับชีส Munster และสามารถทำเป็นแบบหวานโดยใช้แอปเปิ้ลก็ได้

Kurfürstendamm.png
Friedrichstraße.png
Neuer Wall.png
Zeil.png

Contact Us

(+66) 84 522 2429

T 2 GO Holiday Co., Ltd.

TAT LICENSE: 11/07978

1213/340 Ladprao 94 Phlabphla Wangtonglang Bangkok 10310 

 

 

 

 

© 2024 T 2 Go Holiday Co., Ltd. All Rights Reserved.

bottom of page