top of page

Belgium

เที่ยวจัตุรัสกรองด์ ปลาซ (Grand Place) หรือที่จะเรียกกันอีกอย่างว่า จัตุรัสแกรนด์เพลส ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม  จัดว่าเป็น 1 ในจัตุรัสที่งดงามมากที่สุดในยุโรป รายล้อมไปด้วยอาคารเก่าเเก่ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมในเเบบบาร็อค, โกธิค เเละนีโอโกธิค มีอายุกว่า 400 ปี เรียกว่าเป็นจุดรวมของบรรดาสถาปัตยกรรมเเนวต่างๆ ที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง  มีจุดเด่นอยู่ที่ยอดแหลมของหอแขวนระฆัง ที่มีความสวยงาม ออกเเบบเเละสร้างโดย ยัน ฟัน เรยส์บรุก สถาปนิกเอกประจำราชสำนัก พระเจ้าฟิลิปที่ 3 ดยุกแห่งเบอร์กันดี นับว่าเป็นจุดที่มีความสวยงามอย่างยิ่ง  และได้รับเลือกจากองค์การยูเนสโกให้เป็น มรดกโลก โดยในทุกๆ 2 ปี จะมีการจัดงานเทศกาลพรมดอกไม้ (Flower Carpet) ที่หากใครมีโอกาสได้มาเยือนเมืองนี้ ต้องมาเห็นด้วยตาของตัวเองให้ได้นะคะ สวยและคุ้มค่าแน่นอนค่ะ

เที่ยวจัตุรัสกรองด์ ปลาซ.jpg

ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall) เป็นอาคารที่ถือว่างดงามมากอีกเเห่งของกรุงบรัสเซลส์ สร้างในสมัยยุคกลาง ในสไตล์โกธิคผสมผสานกับบาโรคอันแสนวิจิตรนี้ มีความสูงถึง 96 เมตร มีการประดับตกแต่งรอบอาคารด้วยรูปปั้นจำนวนมาก ส่วนบนของอาคารเป็นหอระฆังทรงแปดเหลี่ยมตกแต่งประดับด้วยงานแกะสลักนูนต่ำ และตกแต่งยอดปลายแหลมด้วยลายประดับทอง พร้อมรูปหล่อนักบุญมิคาเอล บริเวณยอด ดูโดดเด่นเป็นสง่า มองเห็นได้จากแทบทุกแห่งภายในเมืองเป็นอีกหนึ่งแลนมาร์กที่ใครๆ ก็มักมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกค่ะ

ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์.jpg

The King’s house พระราชวังของพระราชา 

อดีตเคยเป็นที่ทำการกองทัพของเมือง ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับ Town hall ภายในจตุรัส กรองด์ปลาซ ปัจจุบันได้แปรสภาพเป็น พิพิธภัณฑ์ของเมือง ตั้งแต่ค.ศ. 1887 ภายในได้รวบรวมเอาเรื่องราวที่น่าสนใจของเมืองเอาไว้ ทั้งประวัติการก่อตั้งเมือง เสื้อผ้าในยุคสมัยต่างๆ การรบในพื้นที่ต่างๆ 

พระราชวังของพระราชา.jpg

แมนเนเกน พิส (Manneken Pis) มาจากภาษาดัตช์ ที่แปลว่าเด็กชายยืนฉี่ ตัวรูปปั้นหล่อด้วยทองแดง มีความสูง 61 เซ็นติเมตร เป็นรูปปั้นเด็กชายกำลังยืนปัสสาวะ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงบรัซเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม  ออกแบบโดย เจอโรม ดูเกสนอย และ ถูกนำมาตั้งไว้ในปี ค.ศ. 1618 ซึ่งเมื่อครั้งที่กรุงบรัสเซลส์ตกอยู่ในภาวะสงคราม ถูกฝ่ายตรงข้ามแอบนำระเบิดมาวางไว้ที่กำแพงเมือง เด็กน้อย ‘จูเลียนสกี’ คนนี้ได้ไปพบสายชนวน ระเบิดที่กำลังติดไฟ จึงปัสสาวะรดใส่จนทำให้สามารถป้องกันเมืองบรัสเซลทั้งเมืองไว้ได้ ชาวเมืองจึงขอบคุณเขาด้วยการทำรูปปั้นไว้เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญในครั้งนั้น แถมยังมีการแต่งตัวให้รูปปั้น ตามเทศกาลหรือโอกาสพิเศษต่างๆ ซึ้งชุดของรูปปั้นนั้นมีถึง 800 ตัว รวมถึงชุดราคาแพงๆ  รวมทั้งยังมีชุดที่พระเจ้าหลุยส์ ที่ 15 แห่งฝรั่งเศสทรงมอบให้ และชุดตัวแรกของรูปปั้น ถูกมอบโดย Maximilian II Emanuel ผู้มีสิทธิเลือกตั้งแห่งบาวาเรียและชุดทั้งหมดของรูปปั้นนั้นถูกเก็บไว้ที่ Maison du Roi และใครมาก็ต้องมาถ่ายกับรูปปั้นนี้ เป็นรูปปั้นที่แสดงถึงจิตวิญญาณความขบถของคนบรัสเซลส์

แมนเนเกน พิส.jpg

อะโตเมียม (Atomium) เป็นสถาปัตยกรรมที่ตั้งอยู่กลางกรุงบรัสเซลล์ เป็นหนึ่งในเเลนมาร์คสำคัญของเมืองบลัสเซลส์ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะต้องแวะมาเที่ยวชมให้ได้ และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันจำนวนมาก เพราะถ้าไม่มาที่นี่ ก็เหมือนว่ามาไม่ถึงบรัสเซลล์ อะโตเมียม มีรูปทรงกลม ทำจากอลูมิเนียมจำนวน 9 ลูก แต่ละลูกจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 18 เมตร และเชื่อมต่อกันด้วยหลอดทรงกระบอกทำจากเหล็กมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร มีน้ำหนักรวมถึง 2,400 ตันโดยได้รับเเรงบันดาลใจจากรูปทรงของอะตอม ในเชิงวิทยาศาสตร์ สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดนิทรรศการ งานเวิลด์เอ็กซ์โป (World Expo) ในปี 1958 ใช้เวลาก่อสร้างเกือบ 2 ปี กลายเป็นเครื่องหมายที่สะท้อนการก้าวกระโดดของเบลเยียมสู่เทคโนโลยียุคใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยลูกบอลเเต่ละลูก ของ Atomium มีการจัดสรรพื้นที่ไว้อย่างน่าสนใจ จุดชมวิวที่ให้คุณสามารถขึ้นไปชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ของกรุงบรัสเซลล์ นอกจากนี้ยังมีลูกบอลที่ใช้จัดเเสดงงานศิลปะต่างๆ ที่มีความสวยงาม เเละดูจะน่าสนใจอีกจุดก็คือมีลูกบอลที่มาทำเป็นร้านอาคารที่มีวิวสวยงามเเปลกตามาก ถือว่าเป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมที่ประสบความสำเร็จที่สุดครั้งหนึ่งของงาน และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมากมายเลย

อะโตเมียม.jpg

ทะเลสาบมินนีวอเตอร์ (Minnewater) หรือมีชื่อเรียกอีกแบบว่า ทะเลสาบแห่งรัก (Lake of Love) เป็นสถานที่สุดโรแมนติก เหมาะสำหรับการเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวหรือคนที่คุณรักเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใจกลางเมืองบรูจส์ (Bruges) แต่กลับเงียบสงบและร่มรื่น ภายในจะพบกับบ้านเรือนริมน้ำที่มีลักษณะคล้ายกับหอคอยเรียงรายมากมาย และมีต้นวิลโลว์ที่พริ้วไหวไปมายามมีลมพัดผ่าน ทำให้ที่นี่เกิดความงดงามอันน่าทึ่ง ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยวอย่างมากมาย

ทะเลสาบมินนีวอเตอร์.jpg

พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต (Choco Story Museum) เบลเยียมคือประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของแบรนด์ช็อกโกแลตระดับโลกหลายเจ้า ทำให้เป็นเรื่องปกติหากใครได้มาเยือนบรัสเซลส์จะพบเห็นร้านช็อกโกแลตมากมาย ซึ่งหลายร้านยังมีความคลาสสิก และถูกยกให้เป็นสาขาแรกของแบรนด์ต่างๆ ด้วย แต่อะไรทำให้เบลเยียมกลายเป็นประเทศที่มีฐานอุตสาหกรรมการผลิตช็อกโกแลตที่ใหญ่ และมีคุณภาพที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เชื่อว่าสถานที่ที่สามารถให้คำตอบแก่ผู้สนใจได้อย่างสิ้นข้อกังขา คงหนีไม่พ้นพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตประจำเมืองบรัสเซลส์ ซึ่งตั้งอยู่ในทาวน์เฮ้าส์สูง 4 ชั้น ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15

พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต.jpg

พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์หลวงแห่งเบลเยียม (Royal Museum of Fine Arts of Belgium) พื้นที่ซึ่งเปรียบเสมือนรากฐานทางด้านจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และกระบวนการทางทัศนศิลป์ ของประเทศแห่งนี้ คือเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1845 จากพระราชกฤษฎีกา (Koninklijk Besluit) (เอกสารที่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ทำการออกโดยหน่วยงานของรัฐบาล และได้รับการรับรองโดยลายเซ็นของพระมหากษัตริย์กับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน) ให้สร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อรวบรวม และจัดแสดงงานศิลป์ของศิลปินชาวเบลเยียม เกิดเป็นพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์หลวงแห่งเบลเยียมที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบรัสเซลส์จนทุกวันนี้นั่นเอง โดยพิพิธภัณฑ์นี้ คือศูนย์รวมองค์ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมที่มีผลงานศิลป์จัดแสดงอยู่กว่า 20,000 ชิ้น แบ่งออกเป็น 4 หมวดหลัก อย่าง เพลง, สถาปัตยกรรม, ประติมากรรม, จิตรกรรม ซึ่งปรากฎอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15

พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์หลวงแห่งเบลเยียม.jpg

จัตุรัสกลางเมืองแอนต์เวิร์ป (Grote Markt) ศูนย์กลางทางสถาปัตยกรรม การดำเนินงาน วัฒนธรรม ตลอดจนการใช้ชีวิตของคนในเมืองแห่งนี้ คือจัตุรัสทรงสามเหลี่ยมปูด้วยหิน ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารสำคัญที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16

จัตุรัสกลางเมืองแอนต์เวิร์ป.jpg

เมาท์ เดส อาร์ต (Mont des Arts) คือพื้นที่ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาขนาดเล็กของเมืองบรัสเซลส์ที่รู้จักกันในชื่อแกรนด์ สแควร์ (Square Grand Place) ในอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวยิวที่มาตั้งรกรากในเมืองบรัสเซลส์จนศตวรรษที่ 14 ก่อนจะพัฒนามาเป็นพื้นที่ชุมชนที่มีชาวบรัสเซลส์อาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดจุดหนึ่งของเมือง ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 พระมหากษัตริย์เลออปอลที่ 2 (King Leopold 2) ต้องการเปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้ให้กลายเป็นย่านศิลปวัฒนธรรมประจำเมือง

เมาท์ เดส อาร์ต.jpg

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ  ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2389 ในฐานะทายาทของMusée de Bruxellesในปีพ.ศ. 2345 โดยมีพื้นฐานมาจากคอลเล็กชันที่ก่อตั้งโดยเจ้าชายชาร์ลส์อเล็กซานเดอร์แห่งลอแรน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 นักวิทยาศาสตร์และนักการเมืองชาวเบลเยียมBernard du Bus de Gisigniesกลายเป็นผู้อำนวยการคนแรกของพิพิธภัณฑ์ในปี 1846 และในโอกาสนี้ เขาได้บริจาคนก 2,474 ตัวจากของสะสมของเขาเองให้กับพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ.jpg

โบสถ์อาวร์เลดี้ เมืองบรูจส์ ประเทศเบลเยียม โบสถ์อาวร์เลดี้ หรือ โบสถ์พระแม่มารีย์ เมืองบรูจส์ มีชื่อในภาษาดัตช์ว่า Onze Lieve Vrouwkerk เริ่มสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1270 สถาปัตยกรรมทางศาสนาอายุกว่า 800 ปีแห่งนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมรูปแบบโกธิกส่วนที่โดดเด่นที่สุดของโบสถ์อาวร์เลดี้คือหอคอยความสูง 115.6 เมตร เรียกว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในเมืองบรูจส์ที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลทั่วทุกมุมเมือง และถือเป็นหอก่ออิฐที่สูงเป็นอันดับสองของโลก รองจากโบสถ์เซนต์มาร์ตินในประเทศเยอรมนีด้วยนอกจากคุณค่าทางสถาปัตยกรรมแล้ว

โบสถ์อาวร์เลดี้ เมืองบรูจส์ ประเทศเบลเยียม.png

จัตุรัสเดอะมาร์ก“The Markt” จัตุรัสนี้เป็นตลาดที่สวยงามและเป็นจุดหมายยอดนิยมของบรรดา นักท่องเที่ยวทั่วโลก  นักท่องเที่ยวจะได้ลิ้มลองช็อคโกแลตแฮนด์เมดแบบเต็มอิ่มโดยมีร้านขายช็อกโกแลตให้เลือกซื้อกว่า  40 ร้าน, รวมทั้งร้านผ้าปักลูกไม้อันขึ้นชื่อของเบลเยี่ยมหรือลิ้มลองวาฟเฟิล ของอร่อยอีกอย่างที่หาชิมได้จากร้านข้างทาง หรือถ้าอยากชมวิวให้ทั่วเมืองบรูจส์อันสวยงามแห่งนี้ในบริเวณจตุรัสก็มีบริการถม้าไว้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่อยากเดินนอกจากนั้นยังมีร้านอาหารกลางแจ้งอร่อยๆรอต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่อีกมากมายหลายร้าน

จัตุรัสเดอะมาร์ก.jpg

สวนจูบิลี่ (Jubilee Park) นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่น่าสนใจมาก โดยเป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า 74 เอเคอร์ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบรัสเซลล์ ซึ่งเเวดล้อมไปด้วยพิพิธภัณฑ์เเละสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงดงามมากมาย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของหนึ่งในเเลนด์มาร์กของเบลเยียม อย่างประตูชัยที่มีความงามสง่า จึงเป็นจุดดึงดูดให้มีนักท่องเที่ยวเเวะเวียนมาเที่ยวชมความสวยงามของสวนเเห่งนี้อยู่เสมอ

สวนจูบิลี่.jpg

จัตุรัส เพลส เดอ เเกรด์ ซาบอน (Place du Grand Sablon)
ที่นี่เป็นอีกจุดที่มีความน่าหลงใหลอย่างมาก เป็นจัตุรัสที่สำคัญอีกเเห่งของกรุงบรัสเซลส์ เพราะเป็นเเหล่งรวมความบันเทิงที่น่าสนใจยามราตรี เเถมยังคงรักษาอัตลักษณ์ชุมชนเมืองเเบบบรัสเซลล์เเท้ๆ ให้ยังคงอยู่อีกด้วย เรียกได้ว่าหากมาเที่ยวที่นี่ ย่อมได้ประสบการณ์ใหม่ที่ประทับใจแน่นอน โดยที่แห่งนี้จะรายล้อมไปด้วยร้านค้าเก่าเเก่ที่น่าสนใจมากมาย ทั้งร้านอาหารพื้นเมืองแสนอร่อย หรือจะเป็นร้านเก๋ๆ ในนั่งจิบกาแฟชมวิวชิลล์ๆ โดยโซนร้านอาหารจะมีความคึกคักเป็นพิเศษ เเละถือเป็นเเหล่งพบปะของผู้คนชาวบรัสเซลล์ในยามค่ำคืน นอกจากนี้ ในช่วงของบ่ายวันเสาร์เเละวันอาทิตย์ ที่นี่จะเป็นตลาดค้าของเก่าที่ใหญ่ที่สุดของเบลเยี่ยม เราสามารถมาเลือกซื้อของเก่าที่มีความสวยงาม เเละน่าสนใจได้

จัตุรัส เพลส เดอ เเกรด์ ซาบอน.jpg

มหาวิหารเซนต์ไมเคิล (Cathedral of St. Michael and St. Gudula)
มหาวิหารเซนต์ไมเคิล นับเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเบลเยี่ยมอย่างมาก โดยมีการขุดค้นพบฐานรากของสิ่งก่อสร้างที่มีมาตั้งเเต่สมัยโรมัน เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ เเละน่ามาเที่ยวชมความสวยงาม มหาวิหารเซนต์ไมเคิล เป็นสถาปัตยกรรมในเเบบโกธิกที่มีความสวยงาม โดดเด่น เเละเเปลกตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 และจากการบูรณะเมื่อ ค.ศ.1980 พบว่ายังมีซากของอาคารมาตั้งเเต่คศตวรรษที่ 11 ซึ่งเป็นโบสถ์โรมันที่สวยงาม แต่มีการสร้างทับกันขึ้นมา ที่นี่จึงกลายเป็นศาสนสถานที่มีความสำคัญที่สุดของเมืองหลวงเเห่งนี้

มหาวิหารเซนต์ไมเคิล.jpg

หอระฆังเมืองบรูจส์ ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัส Markt ใจกลางเมืองบรูจส์ เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1282 โดยยอดหอคอยที่มีรูปทรงเป็นรูปแปดเหลี่ยมสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1482 หอคอยสูงเด่นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความสูง 83 เมตร ขนาดความกว้างเพียง 44 เมตร กลางจัตุรัส Market Square แห่งนี้ คือยอดหอคอยที่ครั้งหนึ่งในอดีตเคยเป็นคลังสมบัติและคลังเอกสารของเมือง หอคอยนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและอิสรภาพของชาวบรูจส์ในช่วงยุคกลาง

             ภายในหอคอยเมืองบรูจส์เก็บระฆังไว้มากถึง 57 ใบ ซึ่งระฆังใบที่มีชื่อเสียงที่สุดมีชื่อว่า Victory Bell มีขนาดกว้าง 2 เมตร น้ำหนักราว 6,000 กิโลกรัม และหากเดินขึ้นบันได 366 ขั้นขึ้นไป จากด้านบนหอคอยจะสามารถชมวิวรอบสวยๆ รอบเมืองบรูจส์ได้แบบสุดลูกหูลูกตา

หอระฆังเมืองบรูจส์.png

 มหาวิหารทัวร์เน (Tournai Cathedral)มหาวิหารทัวร์เน หรือชื่อเต็มว่า อาสนวิหารแม่พระแห่งทัวร์เน (Cathédrale Notre-Dame de Tournai; Onze-Lieve-Vrouw van Doornik) ตั้งอยู่ที่เมืองทัวร์เน มณฑลแอโน เขตวัลลูน ในประเทศเบลเยียม เป็นอาสนวิหารโรมันคาทอลิกอันเป็นที่ตั้งของมุขนายกประจำมุขมณฑลทัวร์เน (Diocese of Tournai) สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่พระนางมารีย์พรหมจารี มหาวิหารแห่งนี้ถือเป็นมหาวิหารแห่งเดียวในประเทศเบลเยียมซึ่งตั้งใจสร้างเพื่อมีฐานะเป็นอาสนวิหาร

มหาวิหารทัวร์เน.png

อาหารในเบลเยี่ยม

ช็อคโกแลต มาเริ่มกันที่ของหวานแสนอร่อยที่ถ้ามาเบลเยียมแล้วไม่ได้ชิมก็เหมือนมาไม่ถึงเลยทีเดียว นั่นก็คือ ช็อคโกแลต นั่นเองค่ะ เบลเยียมจัดว่าเป็นดินแดนแห่งช็อคโกแลตแสนอร่อย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยยี่ห้อช็อคโกแลตมากมายที่ก่อตั้งกิจการกันมาอย่างยาวนาน หนึ่งในแบรนด์ยอดนิยมก็คือ Godiva นั่นเองค่ะ ช็อคโกแลตของบ้านเค้าจะเข้มข้น อร่อยได้คุณภาพแบบช็อคโกแลตแท้ๆ สาวๆ ที่ชอบช็อคโกแลตไม่ควรพลาดเลยค่ะ ไปถึงถิ่นเกิดชิมจนติดใจก็สามารถซื้อกลับมาเป็นของฝากให้เพื่อนๆ ได้ด้วย 

ช็อคโกแลต.jpg

วาฟเฟิล หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าเบลเยี่ยมถือเป็นต้นตำรับของขนม วาฟเฟิล อีกหนึ่งเมนูที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด เพราะบอกได้คำเดียวเลยว่า วาฟเฟิลที่เบลเยี่ยมนั้น อร่อยล้ำสุดๆ เนื้อแป้งก็นุ่มมากๆ หอมกรุ่นทั้งนมและเนย ยิ่งทานตอนร้อนๆ ด้วยแล้ว ไม่มีอะไรสุขใจเท่านี้แน่นอน ส่วนร้านแนะนำมีชื่อว่า The Waffle Factory ที่มีเมนูวาฟเฟิลให้เลือกอร่อยหลากหลายแบบ ไปชิมกันได้เลย

วาฟเฟิล.jpg

เฟรนฟราย อีกหนึ่ง อาหารเบลเยียม ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นั่นก็คือ เฟรนฟราย ก็มีต้นกำเนิดที่ประเทศเบลเยียมเช่นกัน เพราะฉะนั้นมาถึงถิ่นเฟรนฟรายทั้งที งานนี้จะให้พลาดตระเวนหาร้านเจ้าอร่อยกินกันได้ยังไง เพราะต่อให้คุณเคยทานเฟรนฟรายมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่รับรองได้เลยว่า คุณต้องไม่เคยทานเฟรนฟรายที่ไหนอร่อยเท่าที่นี่แน่นอน ร้านแนะนำมีชื่อว่า French Kiss เป็นร้านเฟรนฟรายที่ใช้สูตรเด็ดดั้งเดิม วัตถุดิบคุณภาพสูง และทอดด้วยน้ำมันที่ร้อนจัด เฟรนฟรายจึงกรอบนอกนุ่มใน อร่อยอย่าบอกใครเลยละค่ะ

เฟรนฟราย.jpg

 บรัสเซลส์ถั่วงอก | ผักเล็ก รสใหญ่  กะหล่ำปลีย่างหรือผัดจนเหลืองทองมักเป็นกับข้าวที่น่ารับประทาน ปรุงด้วยเนยเล็กน้อยและบางครั้งก็มาพร้อมกับเบคอนกรอบ ทำให้มีรสชาติที่เผ็ดร้อนและสบายใจที่ช่วยยกระดับมื้ออาหาร

7745.jpg

หอยแมลงภู่ อาหารเบลเยี่ยม สุดคลาสสิคจานนี้หาทานได้ทั่วไปตามร้านอาหารเลยค่ะ นั่นก็คือ หอยแมลงภู่ ซึ่งถ้าเป็นเมนูสูตรของเบลเยียมจะนำไปต้มกับไวน์ขาว หอยแมลงภู่สดๆ ตัวใหญ่ๆ ผ่านการปรุงมาอย่างดี ทานคู่กับเฟรนฟราย อร่อยเข้ากันตามแบบฉบับของ อาหารเบลเยี่ยม เลยค่ะ ส่วนร้านแนะนำมีชื่อว่า Le Zinneke อีกหนึ่งร้านอาหารเบลเยียมบรรยากาศดี พร้อมด้วยเมนูมากมายที่หลายคนแนะนำ

หอยแมลงภู่.jpg

วอเตอร์ซูอิ | Waterzooi เบลเยียมเพื่อจิตวิญญาณ Waterzooi เป็นสตูว์ครีมเบลเยียมที่ทำกับไก่หรือปลาได้ เคี่ยวกับผักและสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม และมักเสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่ง ทำให้เป็นมื้ออาหารที่แสนสบายและอิ่มอร่อย Waterzooi เสนอหนึ่งในสุดยอดของคุณ ประสบการณ์การทำอาหารบรัสเซลส์ เพื่อให้ต่อมรับรสของคุณได้รับความเพลิดเพลินถึงขีดสุด

วอเตอร์ซูอิ.jpg

STOOFVLEES (สตูเนื้อเบลเยี่ยม)

Stoofvlees เป็นอาหารขึ้นชื่อของชาว Flemish ซึ่งมีเบียร์เป็นส่วนผสมหลัก กว่าจะได้สตูเนื้อแบบในภาพ จะต้องใช้เวลาตุ๋นอยู่หลายชั่วโมงเพื่อให้เนื้อได้ซึมซับรสชาติที่กลมกล่อมจากการปรุงเเละเพื่อความเหนียวนุ่มของเนื้อ โดยทั่วไปแล้วสตูเนื้อลักษณะนี้จะเสิร์ฟคู่มากับเฟร้นฟรายด์

สตูเนื้อเบลเยี่ยม.jpg

GEHAKTBAL (ลูกชิ้นเนื้อแบบเบลเยี่ยม)

อีกหนึ่งเมนูดั้งเดิมของเบลเยี่ยมคือลูกชิ้นเนื้อหรือมีทบอลแบบเบลเยี่ยมที่เสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งทอดหรือมันฝรั่งบด ลักษณะของมีทบอลจะใหญกว่ามีทบอลทั่วไปที่คุณเคยพบเห็น 'Boulets à la liégeoise' คือเมนูมีทบอลชื่อดังที่คุณไม่ควรพลาด

ลูกชิ้นเนื้อแบบเบลเยี่ยม.jpg

GARNAALKROKET (โครเกต์กุ้ง)

ณ ประเทศเบลเยี่ยมมีโครเกต์หลากหลายชนิดที่คุณสามารถเลือกชิมได้ ราคาอาจจะเเพงนิดหน่อยเมื่อเทียบกับปริมาณเเต่นับว่าคุ้มกับรสชาติที่เต็มไปด้วยเนื้อครีมนุ่มลิ้นละลายในปาก เราขอเเนะนำเมนู garnaalkroket  ซึ่งเต็มไปด้วยรสชาติของกุ้งที่คุณจะต้องตกหลุมรักทันทีเมื่อได้ชิม

โครเกต์กุ้ง.jpg

โวล-โอ-เวนต์ | ความสมบูรณ์แบบของพัฟเพสตรี้ Vol-au-vent เป็นอาหารเบลเยียมคลาสสิกที่เสิร์ฟไก่ครีมหรือสตูว์ทะเลในแป้งพัฟ เป็นการผสมผสานที่น่ารื่นรมย์ระหว่างเนื้อสัมผัสและรสชาติที่รับรองว่าถูกใจคุณอย่างแน่นอน หากคุณต้องการค้นพบตัวเลือกดังกล่าวเพิ่มเติม ลองพิจารณาดู ทัวร์ชิมอาหารของบรัสเซลส์ ในร้านอาหารและร้านค้าริมถนน

โวล-โอ-เวนต์.jpg

คาร์บอนเนด ฟลามันด์ | Comfort Food Classic ของบรัสเซลส์

Carbonnade Flamande เป็นสตูว์เนื้อยอดนิยมที่เคี่ยวจนเข้ากันกับเบียร์ ใส่หัวหอม มัสตาร์ด และเครื่องเทศ ผลลัพธ์ที่ได้คืออาหารที่เข้มข้น หวาน และเผ็ด ซึ่งเป็นตัวอย่างของอาหารทานง่ายของชาวเบลเยียม

คาร์บอนเนด ฟลามันด์.jpg

สโตเอมพ์ | ลิ้มลอง Stoem ของบรัสเซลส์ Stoemp เป็นอาหารจานอร่อยที่มีมันฝรั่งบดผสมกับผัก เช่น แครอท กระเทียมหอม หรือกะหล่ำดาว เป็นอาหารหลักที่ทานง่าย มักเสิร์ฟพร้อมไส้กรอกหรือเนื้อสัตว์อื่นๆ

สโตเอมพ์.jpg

สินค้าแบรน์เนมในเบลเยี่ยม

 Adidas  ผู้นำแฟชั่นด้านกีฬาและสินค้าแนวสตรีตจากประเทศเยอรมนี ตั้งชื่อแบรนด์ตามดีไซเนอร์ผู้บุกเบิก Adolf "Adi" Dassler

Adidas.jpg

Balenciaga  ตั้งตามชื่อของดีไซเนอร์ผู้บุกเบิกแบรนด์ Cristobal Balenciaga Eizaguirre ซึ่งเป็นชาวสเปนโดยกำเนิดแต่แบรนด์นี้กลับมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศฝรั่งเศส

Balenciaga.jpg

Burberry แบรนด์แฟชั่นชื่อดังจากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งโดย Thomas Burberry เน้นสินค้าแนว ready-to-wear, น้ำหอม, เครื่องประดับ และแว่นตา

Burberry.jpg

Celine สุดหรูหราจากประเทศฝรั่งเศส มีสินค้าให้เลือกใช้ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ก่อตั้งโดย Celine Vipiana เมื่อปี 1945

Celine.jpg

Hermes  สาว ๆ หลายคนคงคุ้นหูกับกระเป๋าราคาเหยียบล้านของแบรนด์นี้ ซึ่งผู้ที่ให้กำเนิดแบรนด์นี้คือ Thierry Hermes ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส

Hermes.png

Royal Gallery of Saint Hubert

https://maps.app.goo.gl/b7WK8f5vVwz4u3k48

Royal Gallery of Saint Hubert.png
bottom of page