top of page

Vietnam

เวียดนาม

เวียดนาม

Untitled-1.png

เวียดนามเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ รวมถึงศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆต่างๆมากมาย

ประเทศเวียดนามนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ภูมิภาคได้แก่ เวียดนามตอนเหนือ, เวียดนามตอนกลาง,และ เวียดนามตอนใต้

ซึ่งในแต่ละภูมิภาคนั้นจะมีจุดเด่นและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไปตามแต่ละภูมิประเทศ ซึ่งทำให้เวียดนามนั้นมีความหลากหลายทางด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

เวียดนามตอนเหนือ

North Vietnam

871.jpg

1. อ่าวฮาลองเบย์ (Ha Long Bay)

อ่าวฮาลองเบย์มีขนาด 1,553 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมหมู่เกาะ 1,969 แห่ง ซึ่งมีอายุทางธรณีวิทยาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 250 ถึง 280 ล้านปี และเคยถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกถึงสองครั้งในปี ค.ศ.1994 ในด้านความสวยงามของธรรมชาติ และในปี ค.ศ. 2000 ในด้านคุณค่าทางภูมิศาสตร์ และยังเคยถูกยกให้เป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ทางธรรมชาติของโลกในปี ค.ศ. 2011 อ่าวฮาลองถูกขนานนามโดยกวีผู้ยิ่งใหญ่ว่า

“ความมหัศจรรย์แห่งแผ่นดินที่สูงเสียดฟ้า” ที่นี่ยังถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งธรณีวิทยาด้วย อ่าวฮาลองเบย์อยู่ในพื้นที่มหาสมุทรเขตร้อน ทำให้มีการอาศัยอยู่ของระบบนิเวศแนวปะการังถึง 232 ชนิด รวมถึงพืชน้ำ เช่น สาหร่ายทะเล และสัตว์น้ำลึก พวก ปู กุ้ง และ ปลาไหล รวมถึง หอยเป๋าฮื้อ ด้วยค่า การไปท่องเที่ยวที่อ่าวฮาลองก็กิจกรรมสนุก ๆ อย่าง การพายเรือคายัค ชมธรรมชาติ และขอแนะนำว่าให้ไปลองการล่องเรือข้ามคืน เพราะอาวฮาลองนั้นมีเกาะเล็กๆ น้อยๆ ถึง 775 แห่งให้ได้ไปดื่มด่ำกันอย่างเต็มที่กันเลย

872.jpg

2. เมืองในเขา นาข้าว ซาปา (Sa Pa)

ซาปาเป็นเขตพื้นที่ตั้งอยู่บนเขาติดกับชายแดนประเทศจีน ทางเหนือของประเทศเวียดนาม ถ้าเดินทางมาที่นี่จากฮานอย เราจะสามารถเห็นแนวเทือกเขาแอลป์ได้ด้วย ซาปาเป็นเมืองหนึ่งของเวียดนามที่เติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าที่นี่จะค่อนข้างชนบทก็ตาม และสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คน อยากจะมาเช็คอินที่นี่ นั่นก็คือ นาข้าวขั้นบันได ที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นความสวยงามของธรรมชาติที่มนุษย์ได้คิดสร้างสรรค์ขึ้น นอกจากนาข้าวขั้นบันไดแล้ว ที่ซาปานั้นยังมีอะไรหลาย ๆ อย่างให้ทำอีกเยอะแยะ อย่างเช่น การไปปีนเขา Fansipan เพื่อพิชิตหลังคาของอินโดจีน ชมวิวของเมืองซาปาจาก ยอดภูเขาฮามร่อง ชื่นชมธรรมชาติพร้อมดื่มด่ำบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกดินที่ซาปา

873.jpg

3. สุสานโฮจิมินห์ ฮานอย

(Ho Chi Minh’s Mausoleum, Hanoi)

สุสานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh’s Mausoleum) เป็นที่พำนักร่างของผู้นำปฏิวัติโฮจิมินห์ สุสานตั้งอยู่ในกลางจัตุรัส Ba Dinh ซึ่งเคยเป็นที่ที่ประธานโฮได้ตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ของเวียดนาม หลังจากประธานโฮเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1969 ก็ได้มีการอ่านประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ขึ้นที่กลางจัตุรัสนี้เมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945 หลังจากนั้นก็ได้เริ่มก่อสร้างสุสานแห่งนี้ขึ้นและเปิดให้เข้าชมในปี 29 สิงหาคม ค.ศ. 1947 การออกแบบสุสานได้รับแรงบันดาลใจมากจากสุสานของเลนิล ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมเวียดนาม โดยออกแบบให้มีหลังคาเอียงลาด ก่อสร้างด้วยหินแกรนิตสีเทา ส่วนด้านในเป็นหินขัดสีเทาดำและสีแดง ด้านหน้าของสุสานจะสลักชื่อประธานโฮจิมินห์เอาไว้ว่า “Ho Chi Min” และด้านข้างจะมีป้ายแบนเนอร์ติดไว้ว่า “Nước Cộng Hòa Xã Hội Chủ Nghĩa Việt Nam Muôn Năm”  แปลว่า ขอให้สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามจงเจริญ

874.jpg

4. โรงละครฮานอย (Hanoi Opera House)

โรงละครกลางเมืองฮานอยที่สร้างขึ้นตั้งแต่ถูกฝรั่งเศสยึดครอง สวยงามตามสไตล์สถาปัตยกรรมแบบโกธิคและกรีก ภายในตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหรา เหมาะมากกับใครที่ชอบชมงานสถาปัตยกรรมในแบบยุโรป เพราะโอเปร่าเฮ้าส์แห่งนี้ยังคงรักษาสภาพเดิมเอาไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยนเลยทีเดียว อีกอย่างก็คือปัจจุบันโรงละครก็ยังเปิดทำการแสดงอยู่

875.jpg

5. ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม (Ho Hoan Kiem)

ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม หรือ ทะเลสาบคืนดาบ ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองเก่าฮานอย มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่าครั้งอดีตพระเจ้าเลไทโต (Le Thai Yo) ได้นำดาบวิเศษซึ่งนำมาต่อสู้กับพวกหมิงจนสามารถปลดปล่อยประเทศให้อิสระแล้ว พระองค์ทรงเรือไปกลางทะเลสาบเพื่อคืนดาบวิเศษให้กับเต่าศักดิ์สิทธิ์ และกล่าวกันว่าเต่าได้ขึ้นมาฉกดาบไปจักพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วหายไปในทะเลสาบ อันเป็นเหตุให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่า ทะเลสาบคืนดาบ หากมองไปกลางทะเลสาบจะเห็นเจดีย์โบราณโผล่ขึ้นพ้นน้ำ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18   มีชื่อเรียกว่า ทาพรัว (Thap Rua) ซึ่งหมายถึง หอคอยเต่าและในปัจจุบันยังมีหลายคนบอกว่าเห็นเต่าขนาดใหญ่อยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดูกาล

Central Vietnam

เวียดนามตอนกลาง

1. ถ้ำซันดอง (Son Doong Cave)

ถ้ำซันดองเป็นอีกหนึ่งถ้ำที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติฟองญา ซึ่งยังถูกยกให้เป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความยาวถึง 6 กิโลเมตร สูง 200 เมตร และกว้าง 150 เมตร สุดทางถ้ำจะมีกำแพงหินสูง 80 เมตร เรียกกันว่า “กำแพงแห่งเวียดนาม” ที่นี่เกิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำจากแม่น้ำ Rao Thuong ทำให้เกิดอุโมงค์ขนาดใหญ่ และมีหินงอกหินย้อย ว่ากันว่าภายในถ้ำซันดองนั้นสามารถสร้างตึกระฟ้าอย่างในนิวยอร์กได้เลยทีเดียว ถ้ำแห่งนี้ยังมีอายุมามากกว่า 400-500 ล้านปี ถูกค้นพบครั้งแรกโดยชนกลุ่มน้อยชางดง แล้วยังมีเรื่องเล่าจากชาวบ้านว่า ในถ้ำนี้มีสิ่งน่ากลัวอาศัยอยู่ เพราะจะได้ยินเสียงแปลก ๆ ออกมาจากถ้ำ แต่หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 2009 ชาวอังกฤษได้เข้าไปสำรวจก็พบว่าเป็นเสียงน้ำที่ไหลกระทบอยู่ในถ้ำ ที่นี่ก็มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง เช่น กางเต็นท์นอนค้างคืนในถ้ำ ล่องเรือแจว การปีนเขา และชมหินงอกหินย้อย ซึ่งไฮไลท์ก็คือ ภายในถ้ำซันดองยังมีถ้ำเล็กเรียกว่า ถ้ำไข่มุก อีกด้วย ที่นี่จะมีหินงอกที่ถูกน้ำที่หยดลงมาจากเพดานถ้ำกัดเซาะ จนเกิดเป็นลานกว้างรูปคลื่นที่ภายในเกลียวคลื่นนั้นจะมีลูกกลม ๆ หลาย ๆ ลูกขนาดเท่าลูกเบสบอล ทำให้ดูเป็นเหมือนไข่มุกที่อยู่ในเปลือกหอยนับหลายพันลูก

841.jpg

2. บานา ฮิลล์ ดานัง (Bana Hill, Danang)

ที่เที่ยวเวียดนามล่าสุด ที่ใคร ๆ ก็อิน “บานา ฮิลล์” ที่ดานังมีสถานที่ท่องเที่ยวขนาดอลังแห่งใหม่กระตุ้นให้เราอยากไปเช็คอินเป็นอย่างมาก นั่นคือสะพาน Golden Bridge ที่มีอุ้งมือยักษ์รองรับสะพานไม้ที่โค้งตามแนวเขาเอาไว้ นอกจากนี้บานา ฮิลล์ยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย เช่น หมู่บ้านฝรั่งเศส, สวนสนุก, สวนดอกไม้, กระเช้า ไฟฟ้า, พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง และวัดวาอารามที่สวยงามไปด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เรียกว่าไปที่เดียวเที่ยวครบได้ทุกบรรยากาศเลย

842.jpg

3. สุสานพระราชวงศ์เหงียน

(The Nguyen Dynasty Tombs, Hue)

เมืองเว้ เมืองหลวงเก่าของประเทศเวียดนาม ตั้งที่อยู่ในภาคกลาง ซึ่งถูกยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกจาก UNESCO ในปี ค.ศ. 1945 เป็นเมืองที่รวบรวมวัฒนธรรมตกทอดมาจากจีนโดยแท้ ซึ่งแตกต่างจากเมืองอื่น ๆ ในเวียดนามที่จะมีความเป็นยุโรปเขามาผสม แต่ที่เมืองเว้ได้ถูกแต่งเติมไปด้วยสิ่งก่อสร้างแบบจีนโบราณ และประวัติจากประเทศจีนอย่างอัดแน่นกันเลยทีเดียว สุสานพระราชวงศ์เหงียน เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเว้ ที่นี่ถูกสร้างขึ้นตามหลักฮวงจุ้ยของ ประกอบไปด้วย ทางเดินเข้าต้องผ่าน กำแพงซุ้มประตู 3 ชั้น ศาลกราบไหว้ ทะเลสาบ ศาลาในน้ำ และสุสานที่ฝังศพของพระราชวงศ์เหงียน สุสานเหล่านี้ตั้งอยู่บนเนินเขาภายด้านใน สามารถเดินชมตามลำดับขั้นไปได้เรื่อย ๆ จากทั้งหมด 13 จักรพรรดิ สุสานได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาเพียง 7 พระองค์ นั่นก์คือ Gia Long, Minh Mang, Thieu Tri, Tu Duc, Duc Duc, Dong Khanh และ Khai Dinh แต่ละสุสานจะถูกตกแต่งในลักษณะที่แตกต่างกัน บางสุสานจะมีรูปปั้นนักรบ นักกวี หรือ นักบวช อยู่ที่หน้าของที่ตั้งสุสาน และบางที่ก็มีเพียงแค่สุสานให้ขึ้นไปกราบไหว้เท่านั้น

843.jpg

4. อนุสาวรีย์คอมเพล็กซ์ของเมืองเว้ (Complex of Hue Monuments)

อนุสาวรีย์คอมเพล็กซ์ของเมืองเว้ หรือ พระราชวังเว้ ที่นี่ได้จัดทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1993  ด้านคุณค่าทางวัฒนธรรม ศาสนา และการเมือง อนุสาวรีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยความซับซ้อน ออกแบบการสร้างโดยจุดสำคัญ 5 จุด ได้แก่ ศูนย์กลาง, ตะวันตก, ตะวันออก, เหนือและใต้ และมีองค์ประกอบของธรรมชาติ 5 จุดเช่นกันคือ ดิน โลหะ ไม้ น้ำและไฟ รวมถึงตกแต่งแบบ 5 สี ได้แก่ เหลือง ขาว ฟ้า ดำ และแดง พื้นที่ภายในของอนุสาวรีย์มีขนาดราว ๆ 3,000 ไร่ ด้านในจะมีโซนต่าง ๆ ให้แยกชมไม่ว่าจะเป็น Kinh Thanh (เมืองส่วนกลาง), Hoang Thanh (เมืองของจักรพรรดิ), Tu Cam Thanh (เมืองลับ), and Dai Noi (เมืองส่วนในสุด)

844.jpg

5. เมืองเก่าฮอยอัน (Hoi An Old Town)

ฮอยอันเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามในปัจจุบันนี้ และเคยเป็นเมืองท่าสำหรับการค้าขายช่วงยุคศตวรรษที่ 15 – 19 เมืองนี้มีตึกรามบ้านช่องที่ถูกปลูกสร้างขึ้นด้วยวัฒนธรรมที่ผสมผสานจากหลากหลายประเทศรวมเข้าด้วยกัน จึงทำให้ที่นี่นั้นเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์สืบมาเป็นมรดกอันล้ำค่า เมืองเก่าฮอยอัน (Hoi An Old Town or Hoi An Ancient Town) ที่นี่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์และเก็บรักษาความเป็นเมืองมรดกแห่งวัฒนธรรมไว้อย่างดีเยี่ยม และได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO ในปี 1999 ห่างจากตัวเมืองเพียง 5 กิโลเมตร ทะเลสาบฮอยอัน หรือ ฮอยอันริเวอร์ไซด์ (Hoi An River Site) ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์สำหรับเมืองนี้ ยามค่ำคืนที่นี้จะถูกประดับประดาด้วยไฟที่มีลักษณะแปลกตา ใครที่มาเป็นคู่รับรองความสวีท ฟิน ๆ กันไปเลย ส่วนใครที่มากับเพื่อน ๆ บอกเลยว่าจะเป็นภาพความทรงจำที่ดีแน่นอน

845.jpg

เวียดนามตอนใต้

South Vietnam

831.jpg

1. สวนดอกไม้เมืองหนาว 

(Flower Garden Dalat)

ดาลัทเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ซึ่งที่นี่จะมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ 18 – 20 องศา และทุก ๆ มุมของเมืองนั้นจะมีการจัดวางสวนดอกไม้ย่อม ๆ อยู่ทั่วเมือง สำหรับใครที่นั่งรถเข้าไปในเมืองดาลัทสิ่งแรกที่เห็นแล้วสะดุดตาเต็ม ๆ แน่นอนนั่นก็คือ ทะเลสาบกลางเมืองขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยดอกไฮเดรนเยียหลากหลายสีสัน พร้อมทั้งมีแบล็คกราวน์เป็นจัตุรัส Lam Vien และ Doha Cafe

มาที่นี่ทั้งทีก็ต้องไปเช็คอินแลนด์มาร์คอย่าง สวนดอกไม้เมืองหนาว (Flower Garden Dalat)  จะตั้งอยู่ที่ปลายสุดของทะเลสาบห่างออกจากตัวเมืองไปประมาณ 2 กิโลเมตร ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นทำให้ที่นี่สามารถปลูกดอกไม้หายากได้หลากหลายชนิด เช่น กุหลาบมิโมซ่า ดอกกล้วยไม้ป่า ดอกไฮเดรนเยีย ดอก Forget Me Not และ ดอกไม้อื่น ๆ รวมกว่า 300 ชนิด ถ้ามาที่นี่ไม่ว่าฤดูไหน เราก็ได้เห็นดอกไม้ของเมืองนี้บานอยู่ตลอดทั้งปี

832.jpg

2. เกาะฟูก๊วก (Phu Quoc Island)

เกาะฟูก๊วก ตั้งอยู่ในทะเลอ่าวไทย ระหว่างชายแดนประเทศเวียดนามและประเทศกัมพูชา ห่างจากตัวเมืองโฮจิมินห์ประมาณ 50 นาที ที่นี่อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเล ซึ่งจะเปิดให้เยี่ยมชมตลอดทั้งปี ช่วง High Season คือช่วงพฤศจิกายนถึงมีนาคม ฟูก๊วกคือเกาะที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ไข่มุกเม็ดงามแห่งเวียดนาม ด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงาม น้ำทะเลที่สวยและใส เหมาะสมรับการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น นอกจากกิจกรรมทางน้ำแล้วบนเกาะฟูก๊วกก็ยังมีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างให้เราได้ไปสำรวจกัน เช่น เที่ยวหมู่บ้านชาวประมง ลิ้มรสอาหารทะเลบนร้านอาหารลอยน้ำ แวะชมวัดของศาสนา Cao Daism ที่มีต้นกำเนิดบนเกาะฟูก๊วก ไปเล่นน้ำตกที่ Phu Quoc Waterfall และอื่น ๆ อีกเยอะแยะมากมายบนเกาะนี้

833.jpg

3. เครซี่เฮาส์ หรือ ฮังญา เกสต์เฮาส์ 

(Crazy House or Hang Nga’s Guesthouse)

ฮังญา เกสต์เฮาส์เป็นที่รู้จักกันในชื่อ เครซี่เฮาส์ (Crazy House) เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนเป็นอย่างมาก โดยเริ่มแรกที่นี่สร้างขึ้นเพื่อให้บริการด้านห้องพักเพียงอย่างเดียวจากแรงบันดาลใจของลูกสาวประธานาธิบดีต้วน ในช่วงที่ครอบครัวของเธอกำลังจะล้มละลาย เธอต้องการโชว์ความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้ให้คนได้เห็น เธอจึงเสนอแผนการสร้างครั้งนี้เพื่อกู้เงินจากธนาคาร แต่ว่ามันกลับล้มเลว ดังนั้นนอกจากความคิดที่จะทำเป็นห้องพักแล้ว เธอมีไอเดียว่าจะขายตั๋วสำหรับเข้าชมให้เข้าชม เพื่อให้คนได้มาเสพความเป็นศิลปะที่ไม่เหมือนใครของเธออีกด้วย เครซี่เฮาส์มีลักษณะคล้ายกับบ้านต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ภายในนั้นมีห้องพักเล็ก ๆ หลายห้อง แต่ละห้องนั้นก็มีรูปแบบและชื่อแตกต่างกันออกไป เช่น ห้องเสือ ห้องจิงโจ้ ห้องอินทรีย์ ห้องมด ซึ่งทุกห้องนั้นจะตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ทำมือทั้งหมด ภายนอกจะเห็นได้ว่ามีบันไดพาดไปมาระหว่างตึกเหมือนกับเถาวัลย์ และบันไดที่ขึ้นไปแต่ละชั้นนั้นก็ถูกออกแบบให้เหมือนเดินอยู่ในอุโมงค์ ปัจจุบันที่นี่ก็ยังคงเปิดให้บริการในรูปแบบโรงแรม ซึ่งจะเป็นส่วนห้องพักที่แยกเอาไว้ รวมถึงเปิดให้เข้าชมเชิงพิพิธภัณฑ์ ราคาค่าเข้าชมอยู่ที่  20,000 ดอง หรือประมาณ 30 บาท

834.jpg

4. อุโมงค์คูชิ โฮจิมินห์ 

(Cu Chi tunnel, Ho Chi Minh)

อุโมงค์คูชิ สถานที่ที่ถูกเก็บรักษาไว้เพื่อรำลึกถึง “สงครามเวียดกง” หรือ สงครามคอมมิวนิสต์ระหว่างเวียดนามและอเมริกา ซึ่งอุโมงค์หรือหลุมเหล่านี้ถูกขุดสร้างขึ้นโดยมือทหารเวียดนามในสงครามในช่วงปลายศตวรรษ 1940 อุโมงค์เหล่านี้ค่อย ๆ ถูกขยายเป็นวงกว้างราว 250 กิโลเมตร เริ่มต้นจากเมืองไซง่อนจนไปถึงเขตดินแดนกัมพูชา เรียกกันว่า “อุโมงค์หนู” ในขณะที่อเมริกาได้ใช้วิธีการทิ้งระเบิดอย่างบ้าคลั่งจากฟ้า     เพื่อกวาดล้างนั้น ฝั่งเวียดนามเองก็ใช้กลยุทธ์วิถีโจรโดยการหลบซุ่มโจมตีและซ่อนตัวภายใต้พื้นดิน แต่นอกจากการสร้างอุโมงค์นี้เพื่อเป็นที่พักพิงแล้ว ภายในอุโมงค์ไม่ได้เป็นแค่หลุมลึกลงไปธรรมดา แต่ในนั้นคือหมู่บ้าน    มีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องครัว โรงงานยุทธภัณฑ์ โรงพยาบาลและที่พักพิงสำหรับการหลบระเบิด ในบางส่วนยังมีโรงละครขนาดใหญ่ และห้องโถงดนตรี เพื่อให้ความบันเทิงสำหรับเหล่าทหาร และพันธมิตรด้วย ต่อมาหลังจากการล่มสลายของไซง่อนในปี ค.ศ. 1975 รัฐบาลเวียดนามร่วมกับอุทยานอนุสรณ์สถานสงครามได้เก็บรักษาอุโมงค์เหล่านี้ไว้ และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เฉพาะบางส่วนที่ได้ทำการเคลียร์พื้นที่จากระเบิด     กับดักหลุมพรางแล้ว

835.jpg

5. ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (Mekong Delta)

ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เป็นดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกินพื้นที่ถึง 39,000 ตารางกิโลเมตร และตั้งอยู่บนพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเวียดนาม ดินดอนแห่งนี้เกิดขึ้นได้จากการที่แม่น้ำโขงนั้นมีต้นกำเนิดมากจากที่ราบสูงทิเบต โดยแม่น้ำสายนี้จะไหลผ่านทั้งหมด 7 ประเทศ ลงสู่น่านน้ำทะเลจีนใต้ จึงทำให้เกิดการสะสมตัวของตะกอนในลักษณะดินดอน             คนเวียดนามให้ชื่อกับที่นี่ว่า “ชามข้าวของชาวเวียดนาม” เพราะพื้นที่ส่วนนี้เป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกนั่นเอง สัมผัสกับบรรยากาศของการค้าขายที่คึกคักเต็มคุ้งน้ำ พืช ผัก ผลไม้ ที่ขายกันเต็มเรือ เพลิดเพลินไปกับการนั่งเรือพายเที่ยวชมป่าโกงกางที่อุดมสมบรูณ์ไปด้วยเหล่าสิ่งมีชีวิตนานาชนิดอย่าง ปู นก และปลา และจะได้พบเจอกับซากอารยธรรมในยุคสงคราม เช่น ซากของบังเกอร์เวียดกง รวมถึงการพายเรือชมวัด และเจดีย์แบบเขมร ที่ทอดยาวไปกับขอบท้องฟ้า

Contact Us

(+66) 84 522 2429

T 2 GO Holiday Co., Ltd.

TAT LICENSE: 11/07978

1213/340 Ladprao 94 Phlabphla Wangtonglang Bangkok 10310 

 

 

 

 

© 2024 T 2 Go Holiday Co., Ltd. All Rights Reserved.

bottom of page