HOTLINE: +6684 522 2429
+6661 156 5453
Your Smile, Our Inspiration
รับจัดกรุ๊ปทัวร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ,
กรุ๊ปเหมาหมู่คณะหรือส่วนตัว, ดูงานสัมมนา,
อีเว้นท์ (Event), จัดกิจกรรมนอกสถานที่ Walk Rally
รังสรรค์งานโดยทีมงานมืออาชีพ
Mongolia
มองโกเลีย
1. อุทยานแห่งชาติเทือกเขาอัลไต
(Altai Tavan Bogd National Park)
อุทยานแห่งชาติเทือกเขาอัลไตตั้งอยู่ทางตะวันตกของมองโกเลียตามแนวชายแดนประเทศรัสเซียและประเทศจีน อุทยานแห่งนี้ประกอบด้วยยอดเขาสูงที่สุดในประเทศถึงห้ายอด ตลอดจนถึงธารน้ำแข็ง ทะเลสาบ น้ำตกสูง 10 เมตร และแหล่งโบราณคดี ซึ่งรวมถึงกลุ่มภาพบนแผ่นหินแห่งเทือกเขาอัลไตในมองโกเลีย (Petroglyphic Complexes of the Mongolian Altai) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก
2. ทะเลทรายโกบี (Gobi Desert)
ทะเลทรายโกบีติด 1 ใน 5 ของทะเลทรายที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก ทะเลทรายแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาอัลไตและทุ่งหญ้าสเตปป์ที่กว้างใหญ่ ซึ่งเคยมีการค้นพบซากฟอสซิลและไข่ไดโนเสาร์ที่ทะเลทรายนี้อีกด้วย ทะเลทรายโกบีแตกต่างจากทะเลทรายทั่วไปตรงที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าที่ราบกว้าง อุดมไปด้วยพืชพันธุ์ต่าง ๆ สัตว์จำนวนมากจึงมาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของโกบีคือ “Khongoryn Els” ที่ถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนแห่งเนินทรายที่สวยงามและใหญ่ที่สุดของโกบี เพราะมีพื้นที่ครอบคลุมอาณาบริเวณยาวกว่า 150 กิโลเมตร และกว้างกว่า 12 กิโลเมตร เนินทรายบางจุดสูงถึง 800 เมตร ทำให้ที่นี่มีกิจกรรมมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวให้ได้ทำ โดยกิจกรรมยอดนิยมคือการปีนเนินทรายเพื่อขึ้นไปชมทิวทัศน์ของทะเลทรายแห่งนี้ และอีกหนึ่งกิจกรรมคือการขี่อูฐผจญภัยในทะเลทรายนั่นเอง ใครที่อยากถ่ายรูปกับอูฐและทะเลทรายกว้างใหญ่ก็ต้องห้ามพลาดที่นี่ กิจกรรมยามค่ำคืนในทะเลทรายโกบีที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบกันมาก ๆ ก็คือการนอนดูดาวและทางช้างเผือก เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่งดงามไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน คุ้มค่าแก่การมาเยี่ยมชมจริง ๆ
3. อารามกันดาน (Gandan Monastery)
อารามกันดานเป็นหนึ่งในวัดทางพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของมองโกเลีย และเป็นศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญของชาวมองโกเลีย ที่นี่มีกิจกรรมทางศาสนาต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกับวัดในประเทศไทย สามารถชมความงามทางวัฒนธรรมของมองโกเลียได้เต็ม ๆ จากที่นี่ เพราะภายในบริเวณรอบ ๆ วัดมีพระพุทธรูปจำนวนกว่าพันองค์ให้ได้ชม ภายในวิหารใหญ่ยังมีพระพุทธรูปพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ที่สูงถึง 26.5 เมตร ให้เราได้ไปกราบไหว้ ซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปยืนในร่มที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย
4. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
(Natural History Museum)
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสเจงกิสข่าน เป็นสถานที่ที่เพื่อน ๆ สามารถมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมองโกเลียทั้งด้านพืชพันธุ์ธรรมชาติ สัตว์ชนิดต่าง ๆ รวมถึงสภาพภูมิประเทศอย่างธรณีวิทยา ถือเป็นการมาเที่ยวที่ทำให้ได้รู้จักประเทศมองโกเลีย เข้าใจผู้คน และเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ของที่นี่ก็คือซากไดโนเสาร์และงาของช้างแมมมอธที่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์มากนั่นเอง
5. เมืองเก่าคาราโคลัม (Karakorum)
พื้นที่ของเมืองเก่าแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงในยุคของอาณาจักรมองโกลหรือในยุคของเจงกิสข่าน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1220 ในหุบเขา Orkhon บริเวณทางแยกของเส้นทางสายไหม ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงอย่างยาวนานมากว่า 40 ปี แล้วล่มสลายไปตามจักรวรรดิมองโกล บ้านเรือนต่าง ๆ ได้ถูกทำลายไปบางส่วน แต่ยังคงหลงเหลือไว้ให้ได้ชื่นชมความงดงามของศิลปวัฒนธรรมในยุคที่มองโกลกำลังรุ่งเรือง โดยเฉพาะพระอาราม Erdene zuu ที่มีกำแพงอันโดดเด่น ยาวประมาณ 400 เมตร กับเจดีย์อีกกว่า 108 เจดีย์ ที่ล้อมรอบพระอารามแห่งนี้ เป็นความสวยงามที่พาย้อนให้เราเข้าสู่ยุคเจงกิสข่านได้ดีที่สุด